การย่อยอาหาร
หมายถึง กระบวนการแปรสภาพขนาดโมเลกุลของสารอาหารจากโมเลกุลขนาดใหญ่ จนเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
การย่อยอาหารในสิ่งมีชีวิต
- จุลินทรีย์ ย่อยภายใน FOOD VACUOLE
- ไฮดรา และพลานาเรีย ย่อยภายใน GASTROVASCULAR CAVITY
- ไส้เดือนดินมีระบบทางเดินอาหารสมบูรณ์ประกอบด้วยคอหอย ( PHARYNX ) หลอดอาหาร ( ESOPHAGUS ) กระเพาะพักอาหาร ( CROP ) กึ๋น ( GIZZARD ) และลำไส้
- สัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ แกะ มีกระเพาะ 4 ส่วน คือ RUMEN ( ผ้าขี้ริ้ว ) และ RETICLUM ( รังผึ้ง ) ซึ่งมีแบคทีเรียที่ย่อยเซลลูโลสถัดมาคือ OMASUM ( สามสิบกลีบ ) และกระเพาะจริง ( ABOMASUM ) และมีไส้ติ่งขนาดใหญ่ช่วยในการย่อยอาหารได้
- ไฮดรา และพลานาเรีย ย่อยภายใน GASTROVASCULAR CAVITY
- ไส้เดือนดินมีระบบทางเดินอาหารสมบูรณ์ประกอบด้วยคอหอย ( PHARYNX ) หลอดอาหาร ( ESOPHAGUS ) กระเพาะพักอาหาร ( CROP ) กึ๋น ( GIZZARD ) และลำไส้
- สัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ แกะ มีกระเพาะ 4 ส่วน คือ RUMEN ( ผ้าขี้ริ้ว ) และ RETICLUM ( รังผึ้ง ) ซึ่งมีแบคทีเรียที่ย่อยเซลลูโลสถัดมาคือ OMASUM ( สามสิบกลีบ ) และกระเพาะจริง ( ABOMASUM ) และมีไส้ติ่งขนาดใหญ่ช่วยในการย่อยอาหารได้
ก. ท่อเดินอาหาร ( ALIMENTARY CANAL ) ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ดังนี้
1. ปาก ( MOUTH CAVITY )
2. หลอดคอหรือคอหอย ( PHARYNX )
3. หลอดอาหาร ( ESOPHAGUS )
4. กระเพาะ ( STOMACH )
1. ปาก ( MOUTH CAVITY )
2. หลอดคอหรือคอหอย ( PHARYNX )
3. หลอดอาหาร ( ESOPHAGUS )
4. กระเพาะ ( STOMACH )
5. ลำไส้เล็ก ( SMALL INTESTINE )
6. ลำไส้ใหญ่ ( LARGE INTESTINE )
7. ไส้ตรง ( RECTUM )
8. ทวารหนัก ( ANUS )
6. ลำไส้ใหญ่ ( LARGE INTESTINE )
7. ไส้ตรง ( RECTUM )
8. ทวารหนัก ( ANUS )
ข้อควรจำ
- กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือความเข้มข้น 0.2% เพื่อกระตุ้นให้ เอมไซม์เปปซินสามารถทำงานได้
- ผนังลำไส้เล็ก มีโครงสร้างเล็กๆ ยื่นออกมาจากพื้นของลำไส้เล็กคล้ายเส้นขนของพรม เรียกว่า วิลลัส ( VILLUS ) เป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างอาหารกับผนังลำไส้เล็ก ภายในวิลลัสจะมีกลุ่มเส้นเลือดฝอยอยู่เพื่อการดูดซึมสารอาหารต่างๆ
- ผนังลำไส้เล็ก มีโครงสร้างเล็กๆ ยื่นออกมาจากพื้นของลำไส้เล็กคล้ายเส้นขนของพรม เรียกว่า วิลลัส ( VILLUS ) เป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างอาหารกับผนังลำไส้เล็ก ภายในวิลลัสจะมีกลุ่มเส้นเลือดฝอยอยู่เพื่อการดูดซึมสารอาหารต่างๆ
การย่อยอาหารแบ่งออกเป็น 2 กระบวนการ คือ
1. การย่อยเชิงกล ( MECHANICAL DIGESTION ) เป็นการทำให้อาหารมีขยาดเล็กลง โดยการบดเคี้ยวของฟัน กึ๋น ( GIZZARD ) และการบีบตัวของทางเดินอาหาร
2. การย่อยทางเคมี ( CHEMICAL DIGESTION ) เป็นการย่อยโมเลกุลของอาหารโดยอาศัยเอนไซม์การย่อยให้มีขนาดเล็กลง
การย่อยทางเคมีของคน
2. การย่อยทางเคมี ( CHEMICAL DIGESTION ) เป็นการย่อยโมเลกุลของอาหารโดยอาศัยเอนไซม์การย่อยให้มีขนาดเล็กลง
การย่อยทางเคมีของคน
น้ำดีเป็นน้ำที่มีสีเขียวใส สร้างจากตับแล้วส่งมาเก็บที่ถุงน้ำดี ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เกลือน้ำดี
( BILE SALT ) รงควัตถุน้ำดี ( BILE PIGMENT ) และ คลอเรสเตอรอล ( CHLORESTEROL ) เกลือน้ำดีจะทำให้ไขมันแตกตัวเป็นก้อนเล็กๆ ( EMULSION ) เพื่อให้ LIPASE สามารถย่อยต่อไปได้
( BILE SALT ) รงควัตถุน้ำดี ( BILE PIGMENT ) และ คลอเรสเตอรอล ( CHLORESTEROL ) เกลือน้ำดีจะทำให้ไขมันแตกตัวเป็นก้อนเล็กๆ ( EMULSION ) เพื่อให้ LIPASE สามารถย่อยต่อไปได้
ข้อควรจำ
1. ลำไส้เล็ก เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร ผ่านวิลลัส เข้าสู่เส้นเลือดฝอย
2. ลำไส้ใหญ่ไม่มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารแต่จะดูดน้ำออกจากกากอาหาร
3. กระเพาะอาหารสามารถดูดซึมแอลกอฮอล์และยาบางชนิดได้
2. ลำไส้ใหญ่ไม่มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารแต่จะดูดน้ำออกจากกากอาหาร
3. กระเพาะอาหารสามารถดูดซึมแอลกอฮอล์และยาบางชนิดได้
ข. อวัยวะช่วยในการย่อยอาหาร ( ACCESSORY ORGANS )
1. ตับ ( LIVER ) หลั่งน้ำดีช่วยในการย่อยไขมัน
2. ตับอ่อน ( PANCREAS ) หลั่งน้ำย่อย และ NaHCO3
2. ตับอ่อน ( PANCREAS ) หลั่งน้ำย่อย และ NaHCO3
ข้อควรจำ
1. น้ำดีที่หลั่งจากตับไม่จัดว่าเป็นน้ำย่อย เนื่องจากมีการเปลี่ยนสภาพภายหลังจากที่ช่วยให้ไขมันแตกตัว
2. NaHCO3 ที่หลั่งมาจากตับอ่อนจะทำหน้าที่ช่วยปรับค่า ph ของอาหารที่มาจากกระเพาะให้มีความเหมาะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ที่อยู่ในลำไส้เล็ก ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาวะที่เป็นเบส
2. NaHCO3 ที่หลั่งมาจากตับอ่อนจะทำหน้าที่ช่วยปรับค่า ph ของอาหารที่มาจากกระเพาะให้มีความเหมาะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ที่อยู่ในลำไส้เล็ก ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาวะที่เป็นเบส