วัคซีน คือ อะไร
วัคซีน คือ สารชีวภาพที่เตรียมขึ้นมาเฉพาะ แล้วนำไปใส่ในร่างกายคน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ( แอนติบอดี้ ) ต่อโรคใดโรคหนึ่ง
ภูมิคุ้มกัน
หมายถึง สารบางอย่างที่ร่างกายสร้างขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรคเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อหรือป่วย
แอนติบอดี หมายถึง กลุ่มของโปรตีน ในน้ำเลือด/น้ำเหลือง ที่ทำหน้าที่ทำลาย
เชื้อโรคที่จำเพาะต่อมัน(เป็นภูมิคุ้มกัน ชนิดหนึ่ง)
แอนติบอดี หมายถึง กลุ่มของโปรตีน ในน้ำเลือด/น้ำเหลือง ที่ทำหน้าที่ทำลาย
เชื้อโรคที่จำเพาะต่อมัน(เป็นภูมิคุ้มกัน ชนิดหนึ่ง)
เราสร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะต่อโรคได้อย่างไร
การสร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะมี 2 แบบ คือ
1. ร่างกายสร้างได้เองโดยธรรมชาติ
เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ ขบวนการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดนี้ มีดังนี้คือ
เม็ดเลือดขาวหลักที่ทำงานร่วมกันในระบบนี้คือ ทีเซลล์ ( T ), บีเซลล์ ( B )และ เอ็มเซลล์ ( แมคโครฟาจ =M ) เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย M จะเข้ามาล้อมจับเชื้อโรคไว้ และส่งสัญญาณให้ T เซลล์ ซึ่ง T เซลล์เอง ทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคและกระตุ้น B เซลล์ให้ทำงาน B เซลล์ จะทำ 2หน้าที่ คือ จับกินเชื้อโรคและสร้างสารภูมิคุ้มกัน ( แอนติบอดิ้ )ขึ้นมาเฉพาะกับเชื้อโรที่พบ สารภูมิคุ้มกันนี้จะต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านั้น B เซลล์ตัวที่สร้างภูมิคุ้มกันจะเป็นตัวที่มีหน่วยความจำ เมื่อเชื้อโรคตัวเดิมเข้ามาครั้งต่อไป ก็จะมีความไวในการสร้างสารภูมิคุ้มกันไม่ต้องรอการสั่งการจาก T เซลล์
การสร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะต่อโรค |
การสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับเชื้อโรคแต่ละชนิด จะใช้เวลาในการสร้างแอนติบอดิ้ไม่เท่ากันภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ มีประสิทธิภาพสูงและอยู่ไปได้ตลอดชีวิต แต่การติดเชื้อนี้อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วย ทรมาน และตายได้
2. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดย
- การได้รับวัคซีน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดิ้ ขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดนั้นๆ
- การได้รับแอนติบอดี้(ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป)
- การได้รับยา หรือ สารเคมี บางอย่างเพื่อเสริมหรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ไม่จำเพาะ เช่น อินเตอร์เฟอรอน
- การได้รับแอนติบอดี้(ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป)
- การได้รับยา หรือ สารเคมี บางอย่างเพื่อเสริมหรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ไม่จำเพาะ เช่น อินเตอร์เฟอรอน
วัคซีนทำจากอะไรได้บ้างสิ่งที่นำมาเพื่อเตรียมเป็นวัคซีน มีดังนี้ คือ
เชื้อโรคที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่อ่อนฤทธิ์แล้ว และไม่ก่อให้เกิดโรค ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ยาวนานตัวอย่าง วัคซีนนี้ที่ใช้กันในปัจจุบัน ก็เช่น วัณโรค ( บี ซี จี ) หัด หัดเยอรมัน ไข้เหลือง โปลิโอ (ชนิดกิน) ไข้ไทฟอยด์ ชนิดกิน เชื้อโรคที่ตายแล้ว เช่น วัคซีนไข้ไอกรน พิษสุนัขบ้า ไข้หวัดใหญ่ อหิวาต์
และ วัคซีนไข้ไทฟอยด์ ( ชนิดฉีด ) พิษของเชื้อโรค ที่อ่อนฤทธิ์แล้ว เช่น บาดทะยัก
สารสังเคราะห์ชีวภาพ ซึ่งสังเคราะห์จากส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อ ส่วนมากเป็น พวกโปรตีน หรือ สารพันธุกรรม ( ดี เอ็น เอ )
และ วัคซีนไข้ไทฟอยด์ ( ชนิดฉีด ) พิษของเชื้อโรค ที่อ่อนฤทธิ์แล้ว เช่น บาดทะยัก
สารสังเคราะห์ชีวภาพ ซึ่งสังเคราะห์จากส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อ ส่วนมากเป็น พวกโปรตีน หรือ สารพันธุกรรม ( ดี เอ็น เอ )
ขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน ก่อนที่จะนำมาใช้ได้จริง วัคซีนจะต้องผ่านทดสอบดังต่อไปนี้
ประเภทของวัคซีน
1. วัคซีนป้องกันโรค วัคซีนที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันโดยทั่วไป เป็นวัคซีนที่ป้องกันไม่ให้เกิดโรค โรคทั่วไปที่วัคซีนป้องกันได้ อีสุกอีใส ตับอักเสบชนิด เอ และ บี ไข้หวัดใหญ่ หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไอกรน คอตีบ บาดทะยัก โปลิโอ ไข้สมองอักเสบ
2. วัคซีนรักษาโรค หลังจากมีการติดเชื้อแล้ว เพื่อ ลด หรือ ยับยั้งความรุนแรงของโรค ซึ่งวัคซีนเหล่านี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทั้งหมด
ช่องทางการใช้วัคซีน
การฉีด โดยการฉีดเข้ากล้ามหรือใต้ผิวหนัง เช่น วัณโรค (บี ซี จี) บาดทะยัก โปลิโอ
การกิน โดยการหยดเข้าทางปาก เช่น โปลิโอ ไทฟอยด์
การสูดดม เช่น ไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะที่
ผลข้างเคียงของการได้รับวัคซีน
การให้วัคซีน อาจมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ เช่น มีไข้ เจ็บ ปวด บวม แดง ร้อน ในบริเวณที่ฉีด
คล้ายกับการฉีดยาอื่นๆ บางรายอาจมีอาการแพ้ เช่น เป็นลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ได้ ( พบได้น้อย )
การกิน โดยการหยดเข้าทางปาก เช่น โปลิโอ ไทฟอยด์
การสูดดม เช่น ไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะที่
ผลข้างเคียงของการได้รับวัคซีน
การให้วัคซีน อาจมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ เช่น มีไข้ เจ็บ ปวด บวม แดง ร้อน ในบริเวณที่ฉีด
คล้ายกับการฉีดยาอื่นๆ บางรายอาจมีอาการแพ้ เช่น เป็นลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ได้ ( พบได้น้อย )